
ภายใต้ยุคที่มีการแข่งขันทางธุรกิจสูงลิ่วเช่นนี้ การสร้างลูกค้าประจำจึงเป็นเรื่องที่เจ้าของธุรกิจจะมองข้ามไม่ได้อย่างเด็ดขาด ซึ่งการที่จะสามารถรักษาฐานลูกค้าไว้ให้มั่นคงได้นั้น จะต้องทำให้ลูกค้าในปัจจุบันมองเห็นความคุ้มค่าในแบรนด์ของเราได้มากที่สุด โดยตัวช่วยที่จะตอบโจทย์ “ความคุ้มค่า” ในใจของลูกค้าได้นั่นก็คือ Loyalty Program หรือโปรแกรมสะสมความภักดีนั่นเอง
Loyalty Program คือ กลยุทธ์รักษาฐานลูกค้าที่จะช่วยเปลี่ยนลูกค้าใหม่และลูกค้าขาจรให้กลายเป็นลูกค้าประจำ ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ โดยมอบสิทธิพิเศษหรือรางวัลให้กับลูกค้าที่มีการซื้อซ้ำอย่างสม่ำเสมอ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า โปรแกรมสะสมความภักดี
นอกจากการลงทุนทำคอนเทนต์เพื่อแข่งขันทางการตลาดแล้ว การยิงแอดหรือโฆษณาบนแพลตฟอร์มอย่าง Facebook, Google หรือ TikTok เพื่อหาลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ก็มีต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน การรักษาฐานลูกค้าเก่าด้วย Loyalty Program จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจที่ต้องการการลงทุนที่ “น้อย” แต่ได้ “มาก”
Loyalty Program ส่งผลดีต่อการทำธุรกิจในระยะยาว เพราะลูกค้าเก่าไม่เพียงแต่จะกลับมาซื้อซ้ำเท่านั้น แต่ยังมีแนวโน้มที่จะซื้อมากขึ้นในแต่ละรอบการซื้ออีกด้วย โดยข้อมูลจากหลายแหล่งบ่งชี้ว่า ลูกค้าเก่ามีใช้จ่ายเฉลี่ยมากกว่าลูกค้าใหม่ถึง 60-70% เลยทีเดียว นอกจากนี้ Loyalty Program ยังเป็นเหตุผลให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าได้อีกด้วย เนื่องจากส่วนลดพิเศษ คะแนนสะสม หรือสิทธิประโยชน์เฉพาะสมาชิกที่อยู่ใน Loyalty Program สามารถตอบโจทย์ “ความคุ้มค่า” และ “การให้มากกว่า” ในใจลูกค้าได้อย่างดี
Loyalty Program ที่เปิดให้ลูกค้าการสมัครสมาชิกหรือใช้โปรแกรมสะสมแต้ม จะทำให้ข้อมูลลูกค้า และพฤติกรรมการซื้อ รวมถึงความชอบของลูกค้าถูกบันทึกอยู่ในระบบ ช่วยให้ทีมการตลาดสามารถนำมาวิเคราะห์และทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคลได้ ซึ่งจะนำไปสู่ Conversion Rate และ Customer Lifetime Value ที่สูงขึ้น
การทำ Loyalty Program จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ด้าน “ความใส่ใจ” และ “ความเป็นมิตร” ในสายตาลูกค้า กล่าวให้เห็นภาพง่าย ๆ ก็คือเมื่อลูกค้านึกถึงแบรนด์เรา ก็จะนึกถึง “ความใส่ใจ” นั่นเอง เช่น แบรนด์ Starbucks ที่ออกนโยบายให้ลูกค้าสามารถนั่งยาว ๆ ในร้านได้ตามความสะดวก แม้จะไม่ซื้อก็ตาม
Loyalty Program แบบ Point-based Program เป็นโปรแกรมที่ลูกค้าสามารถนำแต้มหลังจากการซื้อสินค้า หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ไปแลกของรางวัล ส่วนลด หรือสิทธิพิเศษได้ ตัวอย่างโปรแกรมประเภทระบบสะสมแต้มที่เห็นได้บ่อย ๆ เช่น Be Loyalty, Rabbit Reward, Starbuck Reward, 7-Eleven ALL Member
Loyalty Program แบบ Tier-based Program เป็นโปรแกรมจัดระดับสมาชิกลูกค้าตามยอดการใช้จ่ายหรือความถี่ในการใช้งาน เช่น ระดับ Silver, ระดับ Gold และระดับ Platinum ยิ่งเป็นสมาชิกระดับสูง ยิ่งได้รับสิทธิพิเศษมากขึ้น จะพบเห็นได้บ่อย ๆ ในธุรกิจประเภทสายการบิน, โรงแรม, บัตรเครดิต หรือ E-commerce
Loyalty Program แบบ Cashback Program เป็นโปรแกรมคืนเงินลูกค้าหรือมอบเครดิตสะสมจากยอดซื้อเพื่อใช้จ่ายในครั้งถัดไป นิยมใช้ในธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจฟิตเนส หรือช่องทางซื้อของออนไลน์ อาทิ Shopee Coins, Lazada Bonus, Line Shopping Cashback, TrueMoney Wallet Cashback
Loyalty Program แบบ Engagement-based Program เป็นโปรแกรมให้แต้มสะสมหรือรางวัลจากกิจกรรมอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ยอดซื้อ อาทิ การเขียนรีวิว หรือกดไลก์ กดแชร์ หรือคอมเมนต์โพสต์ต่าง ๆ เพื่อลุ้นรับของรางวัล วิธีนี้เหมาะกับแบรนด์ออนไลน์, คอมมูนิตี้ หรืออินฟลูเอนเซอร์มาร์เก็ตติ้ง
Loyalty Program แบบ Surprise & Delight เป็นโปรแกรมมอบของขวัญวันเกิด คูปองลับ หรือรางวัลสุ่ม ให้กับลูกค้าในโอกาสพิเศษเพื่อสร้างความประทับใจ เช่น คูปองส่วนลด 20% ในวันเกิดของร้านชาบูเชน หรือการที่แบรนด์ระดับ Hi-End ส่งของขวัญให้ลูกค้าในวันเกิด
Loyalty Program แบบ Punch Card / Visit-Based เป็นโปรแกรมที่จะให้ของขวัญหรือสิทธิพิเศษกับลูกค้า หากซื้อสินค้าหรือใช้บริการสินค้าครบตามจำนวนครั้ง โดยจะพบเห็นได้บ่อยในธุรกิจร้านอาหาร-คาเฟ่ หรือการบริการต่าง ๆ เช่น ซื้อกาแฟ 10 แก้ว ฟรี 1 แก้ว เป็นต้น
Loyalty Program แบบ Value-Based Program เป็นโปรแกรมที่ให้เลือกลูกค้าเลือก “สนับสนุนสังคม” แทนการรับแต้ม โดยบริจาคแต้มให้การกุศล หรือเปลี่ยนแต้มเป็นเงินบริจาค เช่น ซื้อของครบ 1,000 บาท เปลี่ยนเป็นเงินบริจาค 10 บาท เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการเน้นภาพลักษณ์เพื่อสังคม (CSR)
Loyalty Program แบบ Gamified Loyalty เป็นโปรแกรมที่ให้ลูกค้าสะสมแต้มโดยการเล่นเกม เช่น หมุนวงล้อ สุ่มของรางวัล เล่นมินิเกมเพื่อสะสมแต้ม โดยจะเห็นได้เป็นประจำในร้านอาหารที่มีกาชาปองให้สุ่มของรางวัล หรือระบบภารกิจรายวัน เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าอายุน้อย หรือแอปพลิเคชันในมือถือ
อ่านมาถึงตรงนี้ทุกคนคงจะรู้จัก Loyalty Program กันไปพอสมควรแล้ว ต่อไปเราก็จะพามาดูเคส Loyalty Program ในไทย เพื่อให้เห็นภาพและเข้าใจเกี่ยวกับโปรแกรมสะสมความภักดีมากขึ้น
การทำ Loyalty Program ที่ประสบความสำเร็จอีกแบรนด์หนึ่งในไทยก็คือ Amazon Rewards ของ Cafe Amazon โดยจะมีการให้สมัครสมาชิกเพื่อสะสมแต้มแลกส่วนลด แลกของรางวัล หรือแลกโปรโมชันต่าง ๆ ทั้งยังเชื่อมกับบัตร Blue Card ของ PTT Group ให้สามารถใช้แต้มข้ามธุรกิจได้ ซึ่งจุดเด่นของธุรกิจนี้อยู่ที่ความง่ายของการใช้งาน สามารถสมัครและสแกนผ่านมือถือได้ทันที ทั้งยังแลกเครื่องดื่มได้จริง ไม่มีเงื่อนไขซับซ้อน ทำให้ลูกค้าใช้งานเป็นประจำ
อีกหนึ่งโมเดล Loyalty Program ที่น่าสนใจ และนับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในไทย ก็คือ Shopee Coins (ระบบสะสมคอยน์) Shopee Loyalty (จัดระดับลูกค้า) ของแอปพลิเคชัน Shopee ที่ให้ลูกค้าเช็กอินรายวัน, แชร์โปรโมชัน หรือซื้อของสะสม Coins เพื่อให้ได้มาซึ่งส่วนลดและโค้ดต่าง ๆ ซึ่งเป็นวิธีที่กระตุ้นให้ลูกค้า “กลับมาใช้บ่อย” ได้อย่างดี
โปรแกรมสะสมความภักดีของ Betask มีชื่อเรียกว่า Be Loyalty เป็นระบบ Loyalty Program ที่ทำระบบ สะสมแต้ม Line OA ซึ่งสามารถช่วยเหลือธุรกิจในการจัดการกลยุทธ์ CRM ได้ โดยการสร้างแคมเปญโปรโมชัน, การมอบสิทธิพิเศษ, การสะสมแต้มแลกของรางวัล เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า ช่วยกระตุ้นยอดขายของธุรกิจและเพิ่มแรงจูงใจให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ นับเป็นอีกหนึ่งโมเดลน่าสนใจที่จะช่วยซื้อใจลูกค้าได้
โดยระบบจัดระดับสมาชิกของ Be Loyalty ยังสามารถกำหนดเกณฑ์ระดับสมาชิกตามยอดจำนวนแต้มหรือเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้ารับสิทธิพิเศษที่มากขึ้นได้ ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้ามากขึ้นได้เป็นอย่างดี
การทำ Loyalty Program ที่ซับซ้อนมากเกินไปจะทำให้ลูกค้าหมดความสนใจไปได้ง่าย ๆ อาทิ การสะสมหลายขั้นตอน การแลกของได้ยาก ควรทำให้เรียบง่าย ทั้งสมัครได้ง่าย แลกของได้ง่าย และสะสมแต้มได้ง่าย เช่น ซื้อของทุก 25 บาท ได้ 1 แต้ม เป็นต้น
หากต้องสะสมเยอะเกินไปจึงจะแลกของรางวัลได้ หรือของรางวัลไม่มีมูลค่า ลูกค้าก็จะทำให้หมดความสนใจไปด้วยเช่นกัน เพราะรู้สึกว่า “ลำบาก” เกินไป โดยต้องทำให้ลูกค้าไม่รู้สึกท้อที่จะทำ หรือทำแล้วได้รางวัลที่คุ้มค่า
หากจะทำ Loyalty Program ให้ได้ผล ควรสื่อสารให้ชัดเจน เพื่อให้ลูกค้าทราบว่ามีโปรแกรมนั้น ๆ อยู่ โดยต้องบอกให้ครบทั้งในส่วนของการสมัครและการแลกแต้ม ซึ่งขั้นตอนทุกอย่างต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า “เข้าถึงง่าย”
การทำ Loyalty Program ไม่จำเป็นต้องแจกของเพียงอย่างเดียว แต่การทำให้ลูกค้ารู้สึกร่วมก็สามารถสร้างฐานลูกค้าได้ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น การมอบสิทธิพิเศษเฉพาะบุคคล จำพวกโปรวันเกิด หรือขอบคุณลูกค้าประจำในโอกาสพิเศษ
การทำ Loyalty Program นอกจากจะช่วยให้ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อซ้ำ และทำให้ลูกค้าใหม่กลายเป็นลูกค้าประจำได้แล้ว ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาวได้อีกด้วย ซึ่งวิธีนี้จะช่วยสร้างความโดดเด่นท่ามกลางคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้แบรนด์มีภาพลักษณ์ในสายตาลูกค้า
TikTok: betask.thai
YouTube: @betaskthai
Tel: 08-1929-3917 , 089-456-2288
Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.
You must be logged in to post a comment.